ข้อเสนอการประยุกต์แนวคิดทางปรัชญาของ กลุ่มแฟรงค์เฟริท สคูล มาใช้เป็นฐานคิดการสร้างสรรค์งานศิลปะหลังสมัยใหม่ในประเทศไทย


เรียบเรียงโดย สมเกียรติ ตั้งนโม
กลุ่มแฟรงค์เฟริทสคูล เป็นชื่อสถาบันวิจัยสังคม ซึ่งก่อตั้งขึ้นในเมืองแฟรงค์เฟริท ในประเทศเยอรมัน ราวปี ค.ศ.1924 ในฐานะที่เป็นสถาบันซึ่งอุทิศให้กับการศึกษาเกี่ยวกับลัทธิมาร์กซ์ สถาบันดังกล่าวมีความสัมพันธ์อย่างหลวมๆกับ The University of Frankfurt มาตั้งแต่ต้น ซึ่งต่อมาได้เป็นศูนย์กลางสำหรับแนวคิดฝ่ายซ้ายของชาวเยอรมัน แต่กระนั้นก็ตาม สถาบันดังกล่าวก็ยังไม่เจริญอย่างเต็มที่ จนกระทั่ง Max Horkheimer ขึ้นดำรงตำแหน่งเป็นผู้อำนวยการในปี ค.ศ.1930 เขาได้รวบรวมนักวิชาการกลุ่มต่างๆที่มีแนวคิดทฤษฎีวิพากษ์ ความคิดในลักษณะวิภาษวิธี อย่างเช่น Theodor Adono, Walter Benjamin, Herbert Marcuse, และ Erich Fromm เป็นต้น เพื่อมาสร้างระบบการศึกษาในแบบสหวิทยาการขึ้น แม้ว่ากลุ่มแฟรงค์เฟริทสคูลจะมีอายุเพียงไม่นาน แต่ด้วยวิธีคิดที่เป็นก้าวสำคัญทางประวัติศาสตร์ จึงทำให้นักคิดกลุ่มนี้สร้างผลกระทบและมีอิทธิพลอย่างสูงต่อความคิดทางสังคม วิทยา การเมือง และวัฒนธรรมในคริสตศตวรรษที่ 20 และได้เป็นที่มาของงานวิจัยชิ้นนี้เกี่ยวกับการประยุกต์แนวคิดดังกล่าวมาใช้ เป็นฐานคิดการสร้างสรรค์งานศิลปะในประเทศไทย เกี่ยวกับการประยุกต์แนวคิดแฟรงค์เฟริทสคูลมาเป็นฐานคิดการสร้างสรรค์ศิลปะ ในงานวิจัย ได้นำเอานักคิดคนสำคัญของกลุ่มมาเป็นตัวตั้ง และพิจารณาลงไปในงานชิ้นสำคัญของแต่ละคนเป็นหลัก จากนั้นได้นำมาวิเคราะห์ออกเป็นหมวดหมู่ ซึ่งจำแนกออกเป็น 10 พื้นที่การศึกษา อาทิเช่น พื้นที่ทางศิลปะและสุนทรียศาสตร์, พื้นที่ทางปรัชญา สังคม เศรษฐกิจ การเมือง, พื้นที่ทางวัฒนธรรม, พื้นที่ทางจิตวิทยา, พื้นที่เกี่ยวกับความเป็นเพศ, พื้นที่ทางด้านภาษาและการสื่อสาร เป็นต้น ต่อจากนั้นได้แปรสิ่งเหล่านี้ไปเป็นข้อเสนอ ซึ่งบรรดาศิลปินทั้งหลาย สามารถนำเอาความคิดเหล่านี้ไปประยุกตใช้ได้กับการสร้างสรรค์ผลงานศิลปะของตน เอง การมองปัญหาต่างๆในทางสังคม วัฒนธรรม และสิ่งแวดล้อมของศิลปินไทยที่ผ่านมา มีลักษณะ single approach ซึ่งเป็นสิ่งตกค้างจากประวัติศาสตร์ในยุคโมเดิร์น ที่มองปัญหาต่างๆในลักษณะแยกส่วน ทำให้ขาดความเข้าใจปัญหาในลักษณะที่เป็นองค์รวม นอกจากนี้ยังมีลักษณะการใช้ความคิดในเชิงวิพากษ์ไม่มากนัก ดังนั้นงานศิลปะที่ปรากฏออกมาจึงเป็นภาพสะท้อนในลักษณะกระจกเงา มากกว่าที่จะเจาะลึกลงไปถึงปัญหา งานวิจัยชิ้นนี้พยายามเข้ามาเสริมในส่วนนี้ให้กับบรรดาศิลปินทั้งหลาย โดยเน้นไปที่กรอบความคิดในเชิงบริบท นอกจากนี้ยังต้องการกระตุ้นให้ศิลปินและผู้ทำงานเกี่ยวข้องกับงานศิลปะสนใจ ในปัญหาสังคม โดยเปิดโลกทัศน์เข้าไปสำรวจพื้นที่ใหม่ๆ เกี่ยวกับปัญหาสังคมที่มีอยู่อย่างหลากหลายและรอบด้าน ส่วนกระบวนการแปรความคิดไปเป็นผลงานสร้างสรรค์ทางศิลปะ เป็นหน้าที่ของศิลปินแต่ละคนอย่างอิสระ

ความสัมพันธ์ระหว่างคลื่นเสียงเชิงวิทยาศาสตร์กับคุณ ค่าทางสุนทรียภาพเชิงศิลปะ


เรียบเรียงโดย ธิติพล กันตีวงศ์

                  ดนตรี (Music) มีความหมายแตกต่างกันในแต่ละบริบททางสังคม ดนตรีเป็นแขนงองค์ความรู้หนึ่งที่สำคัญในศาสตร์ศิลปะ ลักษณะความแตกต่างระหว่างดนตรีกับงานศิลปะแขนงอื่นๆ นั้น กล่าวได้ว่า ดนตรีทำงานอยู่บนพื้นที่ (Space) และ เวลา (Time) อาศัยการรับรู้โดยใช้ผัสสะการฟัง ส่วนงานศิลปกรรมที่ใช้ผัสสะในการมองเห็น (Visual Arts) นั้น ทำงานบนพื้นที่ว่าง (Space) ลักษณะดนตรีสามารถอธิบายได้ในเชิงวิทยาศาสตร์ และศิลปะ
ดนตรีในทางวิทยาศาสตร์ ดนตรี เกิดจาก คลื่นเสียง และเวลา การบรรเลงเครื่องดนตรีมีความเชื่อมโยง
กับวิธีการคำนวณทางคณิตศาสตร์ เริ่มต้นแต่สมัยกรีกโบราณปรากฏทฤษฏีที่เกี่ยวข้องกับความคิดเชิงวิทยาศาสตร์ ที่เกี่ยวข้องกับเสียงโดยการค้นพบอัตราส่วนที่สำคัญ (Ratios) โดยนักวิทยาศาสตร์ (Pythagoras) ซึ่งค้นพบระบบ (Harmonic Series) ซึ่งมีความสำคัญต่อการสร้างบทประพันธ์ดนตรีในเวลาต่อมา และค้นพบ อัตราส่วน 4:3 ได้ขั้นคู่ 4 (P4) Fourth อัตราส่วน 3:2 ได้ขั้นคู่ 5 (P5) Fifth อัตราส่วนที่สำคัญนี้ยังส่งผล และมีบทบาทกับลักษณะองค์ประกอบทางศิลปะ และงานสถาปัตยกรรมในขณะนั้น ความสำคัญของ (Harmonic Series) เป็นองค์ประกอบพื้นฐานในการสร้างบันไดเสียง (Scale) ในเวลาต่อมา
มนุษย์สามารถรับฟังเสียงได้ในระดับความถี่ที่ 20 Hertz ถึง 20000 Hertz แต่ในระดับคลื่นความถี่ที่ต่ำกว่า 20 Hertz มนุษย์ไม่สามารถรับฟังระดับเสียงในระดับที่ต่ำกว่า 20 Hertz ได้ แต่มนุษย์สามารถรับความรู้เสียงของคลื่นเสียงที่ต่ำกว่า 20 Hertz ได้จากความสั่นสะเทือนของระดับเสียงที่เกิดขึ้น พบได้ในเพลงที่มีเสียงต่ำประเภทเพลง Dance / Hip Hop เป็นต้น
เชิงปรัชญาและศิลปะถูกนำเสนอทฤษฏีที่เกี่ยวข้องกับความคิดเชิงอุดมคติ โดยนักปราชญ์ชาวกรีกชื่อ BOETHIUS ได้แบ่งระดับของดนตรีออกเป็น 3 ระดับ ประกอบด้วย
MUSICA INSTRUMENTALIS เครื่องดนตรี ระดับการรับรู้ใช้หูฟัง
MUSICA HUMANA ดนตรีมนุษย์ ระดับการรับรู้ใช้สัมผัสทั้ง 7
MUSICA MUNDANA ดนตรีจักรวาล ระดับการรับรู้ใช้ ญาณ
                 ลักษณะเฉพาะทางดนตรีที่เด่นชัดในสมัยกรีก โรมัน สรุปได้ว่า ดนตรีเป็นดนตรีแบบบริสุทธิ์ ให้ความสำคัญต่อลักษณะการเคลื่อนที่ของทำนอง ทำนองมีความสัมพันธ์ต่อจังหวะและหน่วยคำ ไม่มีการบันทึกโน้ต ใช้การจดจำทำนอง นักปราชญ์มองดนตรีเป็นส่วนหนึ่งของความเป็นมนุษย์ ลดความเชื่อเรื่องการใช้ดนตรีบูชาเทพเจ้า ธรรมชาติ นักวิทยาศาสตร์ค้นพบทฤษฏีเกี่ยวกับสวนศาสตร์(Acoustic) บันไดเสียงถูกสร้างขึ้นจาก Tetra chords และ ทฤษฏีดนตรีพัฒนาขึ้น ได้รับการยอมรับจากการอธิบายเชิงวิทยาศาสตร์
ยุคกลาง(The Middle Ages) ถือเอาการสถาปนาจักรวรรดิโรมันอันศักดิ์สิทธิ์ใน ค.ศ. 800 เป็นการเริ่มต้นยุคหลังจากยุโรปตกอยู่ในยุคมืด ตั้งแต่จักรวรรดิโรมันเดิมล่มสลายในปี 476 ส่วนการสิ้นสุดยุคกลางนั้น ตกอยู่ประมาณต้นศตวรรษ ที่ 15 (บางตำราว่า ค.ศ. 1420 บ้างว่า 1450) ในยุคมืด การเมืองการปกครองระส่ำระส่ายมาก เพราะแว่นแคว้นเดิมของโรมันรบพุ่งแย่งอำนาจกันบ่อยๆ มีเพียงคริสตจักรเท่านั้นที่เป็นที่พึ่งของประชาชน คริสตจักรเหล่านี้กระจายอยู่ทั่วยุโรปและเป็นเครือข่ายกันอย่างเหนียวแน่น จนสามารถสถาปนาการปกครองของตนขึ้นได้ โดยมีโรมเป็นศูนย์กลางและมีสันตะปาปาเป็นประมุข อันเป็นกำเนิดของนิกายโรมันคาทอลิก เพลงสวดของชาวคริสต์ในแต่ละแห่งมีธรรมชาติแตกต่างกันตามเชื้อชาติ ปลายศตวรรษที่ 6 สันตะปาปาเกรกอรี มหาราช แห่งโรมได้นำเพลงทั้งหลายมาจัดหมวดหมู่ และเปลี่ยนภาษาร้องเป็นภาษาลาตินอันเป็นภาษากลางของคริสตจักรโรมันคาทอลิค เพลงเหล่านี้ในตอนแรกได้ชื่อว่า เพลงสวดโรมันเก่า (Old Roman Chant) ภายหลัง เพื่อเป็นเกียรติแก่สันตะปาปาเกรกอรี ได้ชื่อใหม่ว่าเกรกอเรียนชานต์ (Gregorian Chant) เกรกอเรียนชานต์เป็นเพลงแนวเดียวไม่มีเครื่องดนตรีบรรเลงร่วม ไม่มีระบบจังหวะ ทำนองดำเนินไปเรียบๆ ทีละขั้น ตามบันไดเสียงซึ่งวัดกำหนด(ห้ามใช้บันไดเสียงของพวกนอกวัด) และใช้คำร้องที่เป็นบทสวดมนต์ภาษาลาตินเท่านั้นการบันทึกโน้ตในยุคสมัยนั้น คงไม่มีวิธีการบันทึกโดยใช้โน้ตตัว
กลมเหมือนในปัจจุบัน การบันทึกมีการใช้โน้ตที่มีหัวโน้ตเป็นสี่เหลี่ยม
ยุคฟื้นฟู (The Renaissance 1400-1600 B.C.) มีช่วงเวลาระหว่างศตวรรษที่ 15 ถึงประมาณ ค.ศ. 1600 ชื่อยุคได้มาจากการยอมรับเอาศิลปะวิทยาการดีๆ ของกรีกโบราณและโรมันมาเป็นหลักในการพัฒนาคุณภาพมนุษย์ ความรู้และความคิดดังกว่าสั่งสมมาตั้งแต่สงครามครูเสด (Crusade war)ซึ่งรบๆ หยุดๆ กินเวลาร้อยกว่าปี กับการแปลเอกสารภาษาอาหรับจำนวนมาก ซึ่งทำให้พบว่าได้มาจากชาวกรีกอีกทอดหนึ่ง อีกปัจจัยคือ ความเข้มแข็งของระบบอบศักดินาที่เริ่มมาแต่ยุคกลางจากอังกฤษกับฝรั่งเศสก่อน และขยายวงกว้างขึ้น ทำให้ชนชั้นปกครอง และขุนนางมีอำนาจต่อรองกับคริสตจักรมากขึ้น ความรู้ความคิดจากกรีกและโรมันทำให้ มีนักปราชญ์ที่สนใจในสิทธิมนุษยชน เกิดลัทธิมนุษยนิยม(Humanism)
ลัทธิมนุษยนิยม(Humanism) ทำให้ดนตรีฆราวาสพัฒนาขึ้นมาก วังมีบทบาทเป็นศูนย์กลางของการพัฒนาดนตรีไม่น้อยหน้ากว่าวัดอีกต่อไป อิทธิพลของดนตรีนอกวัดรุกคืบเข้าไปเปลี่ยนแปลงดนตรีในวัดทีละอย่างๆ จนข้อห้ามต่างๆ ในอดีตถูกละเมิดหรือยกเว้นไปเกือบหมด เพลงนอกวัดที่ใช้บันไดเสียงต้องห้ามถูกยืมไปเป็นตัวตั้งในการแต่งเพลงหลาย แนวสำหรับใช้ในวัดบ่อยขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งเพลงฝรั่งเสศชื่อ ลอมมาร์เม (L\’Homme arme) ถูกคีตกวีหลายสิบคนยืมไปแต่งเพลงสวดประเภทมิชชา จนมีมิชชาลอมมาร์เม รวมแล้วประมาณ 50 สำนวน
                  เพลงและดนตรีบรรเลงหลายแนวซ้อนกัน ทำให้ขั้นคู่ที่ซ้อนกันมีระยะห่างต่างๆ กันไป ไม่ใช่ทำนองขนานกันเป็นพืดยาวอีกต่อไป พัฒนาการขั้นนี้ทำให้เกิด คอร์ด เกิดความรู้สึกว่าดนตรีมีศูนย์กลางของเสียง(tonality) ที่เรียกว่า โทนิก(tonic) ขึ้น และเกิดความนิยมให้เสียงในลำดับที่เจ็ดของบันไดเสียง เดินเข้าหาโทนิก ในระยะใกล้กันเพียงครึ่งเสียง ลักษณะนี้เป็นธรรมชาติของบันไดเสียงนอกวัด แต่ทางวัดก็ต้องยอมรับในที่สุด เหล่านี้เป็นปัจจัยพื้นฐานที่ก่อให้เกิดทฤษฎีการประสานเสียง หรือฮาร์โมนีขึ้นด้วย
                   ยุคสมัยบาโรค (1600-1750 B.C.) ดนตรีบรรเลงยุคบาโรค ส่วนมากเป็นดนตรีที่มีหลายทำนองซ้อนกัน ตามหลักการ หรือทฤษฎีที่มีชื่อเรียกว่า เคาน์เตอร์พอยต์ (Counterpoint) มีคอร์ดเป็นเครื่องมือสำคัญในการประพันธ์ และมีบันไดเสียงเมเจอร์ กับไมเนอร์เป็นบันไดเสียงหลัก ในช่วงตอนปลายของยุคบาโรคดนตรีเริ่มมีความแตกต่างในวิธีการการเทียบเสียง เพื่อศาสนา ศูนย์กลางทางศาสนามีความหลากหลาย ได้ทำการตกลงการเทียบเสียงให้เป็นเสียงเดียวกันทั้งหมดเพื่อพระเจ้าพระองค์ เดียวกัน จึงได้ทำการตกลงให้ใช้การเทียบเสียง A = 440 Hz และใช้ระบบการเทียบเสียงนี้มาจนถึงยุคปัจจุบัน
วิธีการเทียบเสียงนี้ได้รับการยอมรับเป็นที่แพร่หลายในเวลาต่อมาในชื่อของ (Mozart Tuning) วิธีการนี้เองสามารถคำนวณการผสมเสียงเพื่อให้เกิดการผสมความถี่ที่แตกต่าง ได้อย่างชัดเจน ซึ่งเป็นประโยชน์ในการศึกษาวิเคราะห์ลักษณะเฉพาะทางดนตรีเพื่อให้ทราบถึง ความแตกต่างทางด้านรูปแบบของดนตรีแต่ละยุคสมัยที่เปลี่ยนแปลงไปตามโลกทรรศน์ (Paradigm)
ปัจจุบันรูปแบบของดนตรีได้พัฒนาไปตามโลกทรรศน์ของโลกที่เปลี่ยนแปลงไป รูปแบบดนตรีร่วมสมัย(Contemporary Music) หรือรูปแบบดนตรีสมัยใหม่ มีพัฒนาการไปถึงระบบของการสร้างสรรค์ดนตรี (Nano Music) มีวิธีการผสมเสียงที่แตกต่างกันอย่างละเอียด
                 หากมองย้อนกลับมาสำรวจดนตรีทางตะวันออก หรือดนตรีที่ไม่ใช่วัฒนธรรมดนตรีตะวันตก(Non-Western Art Music) แล้วพบว่ามีสุนทรียภาพทางด้านดนตรี และบริบทที่เกี่ยวข้องแตกต่างกันออกไปจากรูปแบบดนตรีทางตะวันตก สามารถใช้กระบวนการทางวิทยาศาสตร์มาช่วยอธิบายถึงลักษณะความแตกต่างของดนตรี ที่เกิดขึ้นในแต่ละวัฒนธรรมจากการศึกษา วิเคราะห์เชิงวิทยาศาสตร์เช่นกัน
                  ยกตัวอย่างเช่น เมื่อเราได้รับฟังสียงฆ้องวงของไทยแล้วเรารู้สึกว่ามีความแตกต่างไปจากระดับ เสียงของเปียโน และอาจไม่สามารถบรรเลงร่วมกันได้อย่างกลมกลืนนั้น เนื่องมาจากวิธีคิดของดนตรีทั้งสองแบบนั้นแตกต่างกัน ระบบเสียงในภาษานั้นแตกต่างกันด้วยเช่นกัน ด้วยเหตุนี้ระดับเสียงที่ได้ยินได้ฟังจึงมีความแตกต่างกัน จากการศึกษาของนักดนตรีวิทยาชาวตะวันตก(David Morton) ที่เข้ามาสำรวจและศึกษาระบบเสียงของดนตรีไทยนั้น พบว่า ใน 1 ช่วงเสียงของดนตรีตะวันตกมีความแตกต่างกันของระดับเสียงแบ่งออกเป็น 12 เสียงเท่าๆ กัน C C# D D# E F G G# A A# B C ส่วนดนตรีไทยนั้นในช่วงความยาวที่เท่ากัน 1 ช่วงเสียง แบ่งระดับเสียงออกเป็น 7 เสียงเท่ากัน (7 Equal Tones) ด ร ม ฟ ซ ล ท ด
ความกลมกลืนระหว่างคลื่นเสียงที่เหมาะสมตามระเบียบแบบแผนตะวันตก กับระยะความห่างของเสียงที่มีความงามอย่างไทย หากทำการวิเคราะห์พบว่ามีความแตกต่างของการเทียบเสียงของรูปแบบดนตรีทั้งสอง รูปแบบ สุนทรียภาพของดนตรีแต่ละยุคสมัยขึ้นอยู่กับมุมมองโลกทัศน์ (Paradigm) ของสังคมแต่ละยุคสมัย ยกตัวอย่างที่ชัดเจนเช่น อัตราส่วนที่เหมาะสมในสมัยบาโรค (Baroque) ใช้อัตราส่วน 3:4 ในงานสถาปัตยกรรม อัตราส่วนนี้เรียกว่า (Golden Ratios) สุนทรียภาพร่วมนี้เองได้ปรากฏในวิธีการประพันธ์ดนตรีโดยใช้อัตราส่วนทาง คณิตศาสตร์เช่นกัน หากมองรูปแบบ และแนวโน้มของดนตรีในสมัยปัจจุบัน พบว่าดนตรีมีวิธีการสร้างสรรค์ไปตามวิทยาศาสตร์ และโลกทัศน์ที่ต่างกันไป วัฒนธรรมดนตรีตะวันตกสามารถแบ่งแยกความแตกต่างของรูปแบบดนตรีไว้อย่างชัดเจน ดังต่อไปนี้
Middle Ages — Modal Music — Monophony
Renaissance — Modal Music — Polyphony
Baroque — Tonal Music — sigma F = ma
Classic — Tonal Music — sigma F = ma
Romantic — A-Tonal /Bi-Tonal/Pan-Tonal Music — E=mcc
20th Century — A-Tonal /Bi-Tonal/Pan-Tonal Music — E=mcc
                  แต่ละยุคสมัยดนตรีตะวันตกมีพัฒนาการการเปลี่ยนแปลงรูปแบบดนตรีอย่างต่อ เนื่อง เมื่อกลับมาพิจารณาดนตรีไทย พบว่าดนตรีไทยมีพัฒนาการด้านรูปแบบดนตรี และวิธีการเทียบเสียงที่แตกต่างกันออกไป ดนตรีไทยภาคกลางพบว่าการเทียบเสียงมีความแตกต่างกัน การเทียบเสียงดนตรีไทยแบ่งกลุ่มออกได้ 2 กลุ่ม กลุ่มแรกคือการเทียบเสียงแบบกรมศิลปากร ระดับเสียงมีความแตกต่างจากการเทียบเสียงแบบดนตรีตะวันตกอย่างชัดเจน อีกกลุ่มคือการเทียบเสียงแบบกรมประชาสัมพันธ์ เสียงที่เทียบตามรูปแบบนี้มีระดับเสียงค่อนไปทางการเทียบเสียงแบบตะวันตก แต่ก็ยังมีค่าที่แตกต่างจากระดับเสียงดนตรีตะวันตก การที่ระดับเสียงมีระดับที่แตกต่างกันออกไปนั้นที่ให้เกิดเสียงเพี้ยน 2 รูปแบบ คือ เพี้ยนสนิท และเพี้ยนเสนาะ เสียงที่เทียบไม่ตรงกับเสียงที่เทียบหลัก เรียกว่าเสียงเพี้ยน ขึ้นอยู่ว่าใช้เสียงใดเป็นเสียงหลัก
                    โดยสรุป การเปลี่ยนทางด้านดนตรีและวิทยาศาสตร์มีปัจจัยที่สำคัญจากการเปลี่ยนมุมมอง ทางสังคม บางครั้งการพัฒนาทางวิทยาศาสตร์ส่งผลถึงความคิดด้านงานศิลปะ และบางครั้งศิลปะมีส่วนสร้างองค์ความรู้ทางวิทยาศาสตร์เช่นกัน “ดนตรี เป็นศาสตร์ที่สามารถอธิบายได้โดยวิทยาศาสตร์ และอธิบายได้โดยมุมมองทางปรัชญาและศิลปะ”

นิทรรศการ “412 Time & Space”


สัมผัสผลงานศิลปะฝีมือคนรุ่นใหม่ ใช้จินตนาการผสานภูมิปัญญาดังเดิม
ในนิทรรศการ “412 Time & Space”
สถานอารยธรรมศึกษา โขง-สาละวิน มหาวิทยาลัยนเรศวร ขอเชิญชมนิทรรศการ “412 Time & Space ” วันที่ ๑ – ๓๐ กันยายน ๒๕๕๕ ณ พิพิธภัณฑ์ผ้า มหาวิทยาลัยนเรศวร โดยเป็นการจัดแสดงผลงานศิลปกรรมในรายวิชา ความคิดสร้างสรรค์ในงานศิลปะและการออกแบบ (Creative Thinking in Art and Design) ของนิสิตปริญญาโท รุ่นที่ ๔ จำนวน ๑๒
 คน ภาควิชาศิลปะและการออกแบบ คณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยนเรศวร อันเกิดจากการลงพื้นที่แลกเปลี่ยนเรียนรู้กับชุมชน เพื่อศึกษาภูมิปัญญาท้องถิ่นมาปรับประยุกต์ สร้างสรรค์เป็นผลงานชิ้นใหม่ ด้วยลีลาและจังหวะเฉพาะตัว เกิดเป็นผลงานศิลปะอันแตกต่าง หลากหลาย ให้ความรื่นรมย์ผสมแนวคิด และยังเป็นแรงบันดาลใจให้แก่ผู้รักงานศิลปะอีกด้วย
การทำเครื่องปั้นดินเผารูปทรง ๑๒ ราศี ณ กลุ่มเครื่องปั้นดินเผาปลาบู่ทอง บ้านทุ่งหลวง อำเภอคีรีมาศ จังหวัดสุโขทัย
การสร้างผลิตภัณฑ์เซรามิคร่วมสมัยในแนวคิดอิสระ ด้วยเทคนิคกระบวนการแบบใหม่ ณ กลุ่มเครื่องเคลือบดินเผาโมทนา ตำบลเกาะตาเลี้ยง อำเภอศรีสำโรง จังหวัดสุโขทัย
ผลงานศิลปะการออกแบบตามจินตนาการ ในหัวข้อนาฬิกา โดยใช้วัสดุง่าย ๆ ใกล้ตัว
ขอเชิญสัมผัสผลงานศิลปะฝีมือคนรุ่นใหม่ในนิทรรศการ “412 Time & Space ” ทุกวันจันทร์ – วันเสาร์ เวลา ๐๘.๓๐ น. – ๑๖.๓๐ น. ณ พิพิธภัณฑ์ผ้า มหาวิทยาลัยนเรศวร ตลอดเดือนกันยายนนี้
สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ สถานอารยธรรมศึกษา โขง-สาละวิน มหาวิทยาลัยนเรศวร โทรศัพท์ ๐ ๕๕๙๖ ๑๑๔๓

ถวายสมัญญาราชินี'อัคราภิรักษศิลปิน' ศิลปินยิ่งใหญ่ผู้รักษางานศิลปะ วธ.ถวายพระราชสมัญญาแด่สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ฯ

เนื่องในมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 80 พรรษา สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ และใน ฐานะที่ทรงทุ่มเทพระวรกายทำนุบำรุงงานศิลปะ กระ ทรวงวัฒนธรรมจึงถวายพระ ราชสมัญญา ศิลปินผู้ยิ่งใหญ่
กรุงเทพฯ * วธ.ถวายพระราชสมัญญา "อัคราภิรักษศิลปิน" แด่สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ฯ เนื่องในมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 80 พรรษา ในฐานะที่ทรงทุ่มเททำนุบำรุงงานศิลปะไว้เป็นสมบัติของชาติ จัดนิทรรศการยิ่งใหญ่ที่สยามพารากอน
ที่ศูนย์วัฒนธรรมแห่งประเทศไทย วันที่ 7 สิงหาคมนี้ นางสุกุมล คุณปลื้ม รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม  แถลงข่าวการจัดงานมรดกภูมิ ปัญญา "ผ้าไทย" เฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระนางเจ้า สิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ เนื่องในโอกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 80 พรรษา 12 สิงหาคม 2555 ว่า จากการที่ วธ.ได้แต่ตั้งคณะกรรมการดำเนินงานถวายพระราชสมัญญาแด่สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ เนื่องในโอกาสพระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 80 พรรษา ขณะนี้ ท่านผู้หญิงบุตรี วีระไวทยะ รองราชเลขาธิการ ปฏิบัติราชการแทนราชเลขาธิการ ได้ลงนามในหนังสือ สำนักราชเลขาธิการ เลขที่ รล 0002.5/20453 แจ้งมายัง วธ.ว่า ได้นำความกราบบังคมทูลพระกรุณาทราบฝ่าละอองธุลีพระบาทแล้ว ว่า วธ.ในนามคณะกรรมการวัฒน ธรรมแห่งชาติ (กวช.) ถวายพระราชสมัญญา "อัคราภิรักษศิลปิน" (อัก-คะ-รา-พิ-รัก-สิน-ละ-ปิน) มีความหมายว่า ศิลปินยิ่งใหญ่ผู้ปกปักรักษางานศิลปะ แด่สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ เพื่อสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณและเฉลิมพระเกียรติเนื่องในโอกาสพระราชพิธีมหามงคลในครั้งนี้
นางสุกุมลกล่าวว่า ความหมายของคำว่า อัคร หมายถึง ยิ่งใหญ่ เป็นเลิศ เป็นยอด คำว่า อภิรักษ์ หมายความว่า ระวัง รักษา ป้องกัน ปกป้อง พระราชสมัญญาทั้งหมดจึงมีความหมายว่า ศิลปินยิ่งใหญ่ผู้ปกป้องรักษางานศิลปะ ซึ่ง กวช.มีความเห็นร่วมกันแล้วว่า การถวายพระราชสมัญญาครั้งนี้เนื่องด้วยสำนึกในพระปรีชาสามารถล้ำเลิศทุกแขนง ทรงตระหนักในคุณค่าความงดงามของศิลปะ ทรงทุ่มเทพระกำลังทั้งปวงในการทำนุบำรุงงานศิลปะไว้เป็นสมบัติศิลป์แห่งแผ่นดินไทย ทรงฟื้นฟูงานศิลปะที่แทบจะสูญสิ้นให้กลับมาสร้างคุณค่าและความภาคภูมิใจให้แก่ประชาชนชาวไทย
ด้านนางปริศนา พงษ์ทัดศิริกุล อธิบดีกรมส่งเสริมวัฒนธรรม (สวธ.) กล่าวว่า การจัดงานมรดกภูมิปัญญาผ้าไทยเพื่อเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ จะจัดขึ้นระหว่างวันที่ 11-15 สิงหาคม 2555 เวลา 10.00-21.00 น. ณ ไลฟ์สไตล์ ฮอลล์ ชั้น 2 ศูนย์การ ค้าสยามพารากอน ประกอบด้วยกิจกรรมสำคัญต่างๆ ดังนี้ นิทรรศการมรดกภูมิปัญญาผ้าไทย เฉลิมพระเกียรติ โดยนิทรรศการแบ่งเป็น 6 ส่วน ได้แก่ ส่วนที่ 1 เฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ พระอัจฉริยภาพผ่านใยไหม เกี่ยวกับพระราชกรณียกิจความรักความผูกพันระหว่างพระราชินีกับราษฎรของพระองค์, เรื่องเล่าห้องทรงงาน ซึ่งประชาชนจะได้เห็นห้องทรงงานที่เต็มไปด้วยผ้าไทย ที่ทาง สวธ.ได้จำลองมาให้เห็นพระราชกรณียกิจที่ได้ทรงช่วยเหลือราษฎรให้ยืนได้ด้วยลำแข้งตนเองจากภูมิปัญญาของบรรพบุรุษ ส่วนที่ 2 ผ้าไทยมรดกภูมิปัญญาทางวัฒนธรรม ส่วนที่ 3 ผ้าทอไทย สุดยอดงานช่างฝืมือ เป็นเรื่องราวความรู้เชิงวิชาการจากผู้เชี่ยวชาญผ้าไทย ส่วนที่ 4 ผ้าทอ มรดกร่วมอาเซียน รวบรวมลวดลายผ้าในภูมิภาคอาเซียน ส่วนที่ 5 การแสดงทางวัฒนธรรมเกี่ยวกับผ้าไทย และส่วนที่ 6 การจำหน่ายสินค้าผ้าไทย การออกร้านผ้าไทยต่างๆ
นางปริศนากล่าวว่า ยังมีการแสดงแฟชั่นโชว์ผ้าไทย ดีไซน์อาเซียน ในวันที่ 15 ส.ค. เวลา 18.00 น. ณ รอยัล พารากอน ฮอลล์ ชั้น 5 อีกทั้งยังได้ร่วมมือกับศูนย์การค้าสยามพารากอน จัดการแสดงผลงานการออกแบบเครื่องแต่งกาย"ผ้าไทย" โดยนักออกแบบของสถาบันกูตูร์ (Courtour) และสุดยอดดีไซเนอร์ไทยในวันที่ 28 ก.ย.นี้อีกด้วย จึงขอเชิญชวนประชาชนไปชมพระจริยวัตรอันงดงามของสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ
อธิบดี สวธ.กล่าวด้วยว่า ในปี 2555 สวธ.ได้รวบรวมมรดกภูมิปัญญาทางวัฒนธรรมเพื่อขึ้นทะเบียนเป็นมรดกภูมิปัญญาทางวัฒนธรรมของประเทศไทย โดยเบื้องต้นได้คัดเลือกมรดกภูมิปัญญาในสาขาต่างๆ ทั้งหมด 30 รายการ เน้นภูมิปัญญาของกลุ่มชาติพันธุ์ อาทิ ศิลปะการแสดงภาษาของกลุ่มชาติพันธุ์ ดนตรี และภูมิปัญญาการทอผ้าไทยของกลุ่มชาติพันธุ์ โดยผ้าไทยที่จะมีการขึ้นทะเบียน เบื้องต้นมีประมาณ 10 ราย โดยในวันที่ 9 ส.ค. จะมีการประชุมสรุปจำนวนรายการมรดกภูมิปัญญาที่จะประกาศขึ้นทะเบียนภูมิปัญญาอีกครั้ง จากนั้นในวันที่ 29 ส.ค. จะมีการประกาศรายชื่อมรดกทางภูมิปัญญาอย่างเป็นทางการต่อไป.

Visual Project@TCDC Audio-Visual Project


Visual Project@TCDC



When01-31 August 2012 | 10:30-21:00
WhereLiving Wallpaper and Kiosk (Creative space), TCDC


Free Admission

Enjoy an interesting line up of film screening Tuesday through Sunday at the Creative Space in Kiosk and Living Wallpaper in front of TCDC Resource Center.

Showtime
Creative Space: 14.00 – 20.00
Living Wallpaper: 10.30 – 21.00

August 2012
“Which country would you most like to visit?”
Certainly, one of the most popular destinations is England.
Once topic about England is brought to conversation, memories and imagination will bring out numerous interesting stories from people who have been there, whether for travel or study…

This August, TCDC presents four quintessential English films that reflect vast cultural diversity in this fascinating nation.

*All DVD movies are available at TCDC Resource Center. To use the Multimedia room, please contact Mini Info Guru counter (for TCDC members only)



Name :The King’s Speech

Country : UK

Release year :2010

Director : Tom Hooper

TCDC movie code : K 551 2010 MOVIE 


The King’s Speech tells the story of the man who became King George VI, the father of Queen Elizabeth II. After his brother abdicates, George (‘Bertie’) reluctantly assumes the throne. Plagued by a dreaded stammer and considered unfit to be king, Bertie engages the help of an unorthodox speech therapist named Lionel Logue. Through a set of unexpected techniques, and as a result of an unlikely friendship, Bertie is able to find his voice and boldly lead the country through war.




Name :Lock, Stock and Two Smoking Barrels

Country : UK

Release year :1998

Director : Guy Ritchie

TCDC movie code : L 813 1998 MOVIE 


Four London working class stiffs pool their money to put one in a high stakes card game, but things go wrong and they end up owing half a million pounds and having one week to come up with the cash.




Name :Happy-Go-Lucky

Country : UK

Release year :2008

Director : Mike Leigh

TCDC movie code : H 252 2008 MOVIE 


Poppy Cross is happy-go-lucky. At 30, she lives in Camden: cheeky, playful, frank while funny, and talkative to strangers. She’s a conscientious and exuberant primary-school teacher, flatmates with Zoe, her long-time friend. She’s close to one sister, and not so close to another. In this slice of life story, we watch her take driving lessons from Scott, a dour and tightly-wound instructor, take classes in flamenco dance from a fiery Spaniard, encounter a tramp in the night, and sort out a student’s aggressive behavior with a social worker’s help. Along the way, we wonder if her open attitude puts her at risk of misunderstanding or worse. What is the root of happiness?




Name :A Hard Day’s Night

Country : UK

Release year :1964

Dairecetor : Richard Lester

TCDC movie code : H 258 1964 MOVIE 


The Beatles – the world’s most famous rock and roll band – travel from their home town of Liverpool to London to perform in a television broadcast. Along the way they must rescue Paul’s unconventional grandfather from various misadventures and drummer Ringo goes missing just before the crucial concert.


Living Wallpaper Screening Schedule: 10.30 – 21.00

Day1-12 August 201214-19 August 201221-26 August 201228-31 August 2012
TuesdayThe King’s SpeechLock, Stock and Two Smoking BarrelsHappy-Go-LuckyA Hard Day’s Night
WednesdayLock, Stock and Two Smoking BarrelsHappy-Go-LuckyA Hard Day’s NightThe King’s Speech
ThursdayHappy-Go-LuckyA Hard Day’s NightThe King’s SpeechLock, Stock and Two Smoking Barrels
FridayA Hard Day’s NightThe King’s SpeechLock, Stock and Two Smoking BarrelsHappy-Go-Lucky
SaturdayThe King’s SpeechLock, Stock and Two Smoking BarrelsHappy-Go-LuckyA Hard Day’s Night
SundayLock, Stock and Two Smoking BarrelsHappy-Go-LuckyA Hard Day’s NightThe King’s Speech


Creative Space Screening Schedule: 14.00 – 20.00

Day1-12 August 201214-19 August 201221-26 August 201228-31 August 2012
TuesdayA Hard Day’s NightHappy-Go-LuckyLock, Stock and Two Smoking BarrelsThe King’s Speech
WednesdayHappy-Go-LuckyLock, Stock and Two Smoking BarrelsThe King’s SpeechA Hard Day’s Night
ThursdayLock, Stock and Two Smoking BarrelsThe King’s SpeechA Hard Day’s NightHappy-Go-Lucky
FridayThe King’s SpeechA Hard Day’s NightHappy-Go-LuckyLock, Stock and Two Smoking Barrels
SaturdayA Hard Day’s NightHappy-Go-LuckyLock, Stock and Two Smoking BarrelsThe King’s Speech
SundayHappy-Go-LuckyLock, Stock and Two Smoking BarrelsThe King’s SpeechA Hard Day’s Night

สาขาวิชาศิลปะภาพถ่ายประชุมคณะกรรมการสอบไล่ภายนอก เพื่อพิจารณาการดำเนินการหลักสูตร ผลการเรียนการสอนของสาขาศิลปะภาพถ่าย  ประจำภาคเรียนที่ 2/2554  เมื่อวันที่ 11 กรกฏาคม 2555 โดยมีรองศาสตราจารย์ สน สีมาตรัง เป็นประธาน ในการนี้ รองศาสตราจารย์พิศประไพ สาระศาลิน คณบดีคณะศิลปะและการออกแบบเข้าร่วมประชุมด้วย



จุลพร นันทพานิช สถาปัตยกรรมที่หายไป


    จุลพร นันทพานิช อาจารย์พิเศษจากคณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ สอนวิชาที่เน้นการออกแบบอย่างยั่งยืนรวมทั้งรักษาเอกลักษณ์ของท้องถิ่น ทั้งยังมีแนวคิดการดำเนินชีวิตแบบพอเพียง เรียกได้ว่าสอนจริง ปฏิบัติจริง ใช้ได้จริงทุกอย่าง  หรือแม้กระทั่งสอนการรับผิดชอบต่อสิ่งแวดล้อมง่ายๆ โดยการเริ่มจากตัวเอง เช่น การปั่นจักรยานไปทำงาน การสร้างบ้านแบบประหยัดพลังงาน และอื่นๆอีกมากมาย ให้เป็นการดำเนินชีวิตอย่างเรียบง่าย เพื่อเตรียมพร้อมรับกับสภาพแวดล้อมที่กำลังเปลี่ยนแปลงอย่างน่าใจหายจากน้ำมือของมนุษย์  
        “พ่อผมเป็นคนเกาะสมุยครับ บ้านก๋งมีกิจการเดินเรือเป็นเรือบรรทุกสินค้า และทำสวนมะพร้าว พ่อก็เลยต้องมาคุมท่ามะพร้าวที่ฝั่งธนฯ เด็กๆก็จะไปๆมาๆ ระหว่างฝั่งธนฯกับสมุย สมัยก่อนใช้เวลาเดินทางไปสมุย 4 วัน ไม่มีไฟฟ้าใช้ ตอนหลังก๋งขาดทุนกับกิจการเดินเรือเลยต้องไปสร้างสวนอยู่บนภูเขา ผมก็เลยมีประสบการณ์ชีวิตกับธรรมชาติ
        ผมจบปริญญาตรี จากจุฬาฯ ย้ายมาอยู่เชียงใหม่ได้ 14 ปี ทำวิจัยค้นคว้าในสถาบันพื้นถิ่น และนำกลับมาใช้จริงในชีวิตประจำวัน การดำเนินชีวิตก็ไม่ได้อยู่ห้องแอร์ ซึ่งคนทั่วไปมองว่าเราลำบาก แต่เราไม่ได้ลำบาก มันเป็นความเคยชินและเรารู้สึกว่าความสบายจากห้องแอร์เป็นความลำบากของเรามากกว่า เหตุผลที่สองคือในทางวิทยาศาสตร์การที่เราอยู่ในห้องแอร์มันไม่ดีเพราะประจุไฟฟ้าในอากาศของห้องแอร์มันเป็นลบ ซึ่งไม่ดีต่อระบบไฟฟ้าในร่างกาย อากาศก็ไม่ถ่ายเท และถ้าแอร์ไม่ได้ทำความสะอาด ฝุ่นก็จะวนเวียนในนั้น และเวลาอยู่ห้องแอร์เหงื่อคุณจะไม่ออก ของเสียในร่างกายมันก็ต้องไปออกทางไต ไตทำงานหนักขึ้น ยิ่งถ้าไม่ได้ออกกำลังกายตอนเย็นยิ่งไปกันใหญ่ เพราะเหงื่อออกมันสร้างความสมดุลให้กับร่างกาย
 ทุกวันนี้ไปทำงาน ถ้ารีบก็ขับรถยนต์ไป ถ้าวันไหนไม่รีบ ผมนั่งรถเมล์เขียวจากบ้าน (อ.แม่ทา จ.ลำพูน)ไปลงสถานีขนส่งอาเขต ผมจะมีรถจักรยานไปฝากไว้ที่อาเขตเดือนละ 250 บาท แต่ข้อเสียคือควันเยอะไปหน่อย แต่ก็สนุกดี ขี่ไปผมก็จะไปแวะกาดสันป่าข่อย แวะคุยกับพ่อค้าแม่ค้าที่ขายของข้างทางไปเรื่อย
        ถ้าคนเราช่วงอายุประมาณ 20 ปีต้นๆได้รับความสบาย อนาคตก็ต้องติดความสบายเพราะชินไปแล้ว สำหรับผมก็มีความเป็นอยู่แบบเดิมไม่เคยเปลี่ยน ถือว่าเป็นข้อดี ถ้าผมไปขับรถยนต์ก็จะรู้สึกไม่สนุก ไม่เหนื่อย แต่จะเกิดความล้านะ รำคาญตอนจอด เปลืองน้ำมัน เปลืองตังค์ มีความรู้สึกว่ารถยนต์มันสร้างภาระให้คนอื่น
        เช่น การพ่นควัน ลองคิดดูนะครับ คนกลุ่มหนึ่งสามารถซื้อรถยนต์ได้ แต่ก็ยังมีคนอีกกลุ่มหนึ่งที่ไม่สามารถซื้อรถยนต์ได้ ลุงป้าน้าอาในเชียงใหม่ยังขี่จักรยานอยู่เลย ซึ่งเราก็ควรจะเห็นใจเขาบ้าง บางคนก็อาจจะคิดว่าขี่จักรยานในเชียงใหม่เสี่ยง แล้วยังไงล่ะ ปล่อยให้ป้าๆเขาขี่กันกลุ่มเดียวเหรอ ซึ่งมันก็เกิดการไม่เท่าเทียม แต่อย่างน้อยตอนนี้เชียงใหม่เขาก็มีชมรมจักรยานวันอาทิตย์นะ ผมก็ไปร่วมด้วย บางทีก็เชิญอาจารย์นิรันดรมาบรรยาย ที่สำคัญเลยมันประหยัดตังค์ ผมทำบัญชีตอนที่ขี่จักรยานเทอมหนึ่งประหยัดไปเป็นหมื่นเลย ที่สำคัญคือประหยัดสภาพแวดล้อม
        เชียงใหม่อากาศเสียมานานแล้ว คนคิดว่าของเสียมีแค่คาบอนด์มอนอกไซค์ แต่จริงๆแล้วมีสารตั้ง๒๐กว่าอย่างที่เป็นอันตราย เหมือนคนที่ไม่ได้นอนห้องแอร์ก็ต้องรับกรรมจากคนที่นอนเปิดแอร์ เหมือนชาวบ้านเผาไร่ เราก็ไปด่าเขาก่อนว่าทำให้โลกร้อน แต่ตัวเองก็นอนเปิดแอร์ ตัวเองใช้รถยนต์ การเผาไหม้ในห้องเครื่องรถยนต์มันส่งผลเสียยิ่งกว่าอีก เรื่องลดโลกร้อน ถ้าถอยก็ต้องถอยกันหมด ไม่ใช่ไปเรียกร้องให้ชาวบ้านหยุดเผาไร่อย่างเดียว คุณก็ต้องหยุดหรือลดการใช้รถยนต์ด้วยสิ
มีรายการวิทยุบอกว่า พบการเผาไหม้ที่ไหนให้แจ้งด่วน เจ้าหน้าที่ก็ตะบึงขับรถยนต์ไปจับ แล้วเป็นไง คุณก็เผาเหมือนกันนั่นแหละ เพราะเชิงวิศวกรรม เมื่อไรที่เกิดกระบวนการเผาไหม้ในห้องเครื่องรถยนต์ ผลเสียจากปฏิกิริยาเคมีมันเยอะกว่าอยู่แล้ว การลดโลกร้อน ง่ายๆเลย เริ่มจากตัวเองก่อนไม่ต้องรอใคร ผมไม่คิดจะไปพึ่งพารัฐนะ พึ่งตัวเองก่อน เมื่อเริ่มจากตัวเองมันจะเกิดเครื่อข่ายไปเอง เช่น เราบริโภคสิ่งแวดล้อมเท่าไร เราก็เริ่มลดลง แต่ต้องมองให้แตก
        กระแสรณรงค์เรื่องโลกร้อน ต้องพิจารณาให้ถ่องแท้แล้วเริ่มต้นที่ตัวคุณเอง อย่าไปยึดติดกับรูปแบบที่เป็นเปลือกผิวครับ

เป็น อยู่ คือ (สถาปัตยกรรมที่หายไป) 3 มีนาคม 2555




Graphic Design คืออะไร?


รายการ “หนึ่งวันเดียวกัน” ตอน Graphic Design ดูแล้วรู้สึกว่า ใช่เลย คุณสันติ ลอรัชวี พูดถึงความหมายของ Graphic Designได้ดีและชัดเจนมากเลย สำหรับใครที่สนใจและอยากรู้ว่า Graphic Design คืออะไร แนะนำให้ดูคลิปนี้เลยค่ะ

ปณิธาน และพันธกิจ ของคณะศิลปะและการออกแบบ มหาวิทยาลัยรังสิต

เทรนด์แรง สินค้ารักษ์โลก


ไม่ใช่แค่อินเทรนด์ แต่สินค้ารักษ์โลกถือเป็นความหวังในการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมของผู้คน ไม่ให้ซ้ำเติมให้โลกใบนี้จนกลายเป็นฮีทเตอร์ไปเสียก่อนดาวเคราะห์สีน้ำเงินดวงนี้กำลังไม่สบายตัวเพราะพิษไข้ ตอนแรกก็แค่ไข้รุมๆ ไม่หนักหนาอะไร แต่ตอนนี้วัดอุณหภูมิแล้วไข้สูงขึ้นเฉลี่ยปีละ 1-2 องศาเซลเซียส และมีแนวโน้มว่าอุณหภูมิจะสูงขึ้นเรื่อยๆ อาการที่โลกป่วยนี้กระตุ้นเตือนให้มนุษย์ผู้อาศัยต้องหาทางเยียวยารักษา หากอยากจะอยู่ไปด้วยกันนานๆ ซึ่งข่าวดีก็คือ วันนี้ภาพการคิดค้นนวัตกรรมใหม่เพื่อสิ่งแวดล้อมและช่วยลดโลกร้อนเริ่มมีให้เห็นเป็นรูปธรรมมากขึ้น
 ในประเทศที่พัฒนาแล้ว การใช้สินค้าที่ผลิตจากแมททีเรียลที่ช่วยลดการใช้ทรัพยากร ลดใช้พลังงานในการผลิต และเน้นวัสดุเหลือใช้มาผลิตสิ่งใหม่กำลังเป็นที่นิยม เรียกว่าเป็นเทรนด์ของคนรุ่นใหม่ก็ว่าได้ ใครเท่จริงต้องมีข้าวของเหล่านี้ประดับข้างกายหรือมีใช้ที่บ้าน แสดงความเป็นนักอนุรักษ์ตัวยงอวดใครต่อใครได้อย่างโก้เก๋ นอกจากปรับเปลี่ยนพฤติกรรมหันมาสนับสนุนสินค้าสีเขียวจะเป็นการช่วยโลกได้แล้ว ตัวผู้ใช้ยังถูกมองในฐานะแฟชั่นนิสต้าที่อินเทรนด์ไปกับกระแสรักษ์โลกที่กำลังมาแรง
 สินค้ารักษ์โลก
 ส่วนประเทศไทยเองก็เริ่มมีกับเขาแล้วเหมือนกัน แม้จะยังไม่มากอย่างใจหวัง แต่ที่ผ่านมามีหลายคนเอาแนวคิดเหล่านี้มาผลิตสินค้าเพื่อเสิร์ฟคนรุ่นใหม่หัวใจรักษ์ธรรมชาติ ไม่ว่าจะเป็นร้าน Eco Shop ของนายแบบ-นักแสดงชื่อดัง ท็อป-พิพัฒน์ อภิรักษ์ธนากร ที่ผันตัวเองมาสวมหมวกนักออกแบบและผู้บริหารของร้านขายผลิตภัณฑ์ลดโลกร้อน ซึ่งภายในร้านนำเสนอสินค้าพัฒนาจากสิ่งของเหลือใช้ทั้งกระเป๋า เครื่องประดับ ของตกแต่งบ้าน พร้อมเปิดเวทีให้ดีไซเนอร์รุ่นใหม่มีพื้นที่ในการโชว์ผลงานได้ด้วย 
 "ของทุกชิ้นผ่านการออกแบบมาเป็นอย่างดีแต่ต้องคำนึงถึงสิ่งแวดล้อมด้วย และที่บอกว่าเป็นเวที คือเราอยากให้ใครก็ได้ ไม่ว่าจะเป็นข้าราชการ แม่บ้าน นักศึกษา หรือนักออกแบบ ก็สามารถออกแบบและทำสินค้ามานำเสนอผม เพื่อมาวางขายในร้าน Eco Shop ได้ หรือนักศึกษาเองก็สามารถมาหาความรู้หรือแรงบันดาลใจจากที่นี่ได้"  คำบอกเล่าของท็อป -พิพัฒน์ ที่เคยกล่าวผ่านสื่อต่างๆ เมื่อครั้งเปิดตัวร้าน
 หรือจะเป็น กลุ่มโนโฟม ของเชียงใหม่ โดยผู้นำหัวใจสีเขียวอย่าง อรช บุญ-หลง ก็เริ่มก่อร่างสร้างกลุ่มคนหัวใจรักษ์โลกด้วยการมองกระแสอนุรักษ์ในบริบทของชุมชน ที่เห็นว่าหากต้องการปฏิเสธการทำลายธรรมชาติอย่างจริงจังนั้น ทุกคนต้องร่วมมือกัน และสิ่งที่เบสิกที่สุดแต่กระจายแนวคิดนี้ได้มากที่สุดก็คือตลาดหรือถนนคนเดินนั่นเอง เพราะเป็นจุดศูนย์รวมวิถีชีวิตของทุกคน ใครๆ ก็ไปตลาด จึงเป็นที่มาของโครงการ “No foam for food” เพื่อรณรงค์ให้พ่อค้าแม่ขายมีหัวใจสีเขียว โดยเลิกใช้ภาชนะที่ทำจากโฟม แล้วหันมาใช้ห่อกระดาษ ใบตอง หรือกล่องอาหารที่ทำจากชานอ้อยทดแทน
 รวมถึงงานออกแบบกระเป๋ายางรถยนต์ภายใต้แบรนด์ rubber killer ของ สเริงรงค์ วงษ์สวรรค์ นักออกแบบผลิตภัณฑ์หัวใจใหม่ที่เจ้าตัวบอกว่าไม่ได้ตั้งใจทำตามกระแส แต่เขามีความผูกพันกับธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมและวิถีชุมชนเป็นทุนเดิม ซึ่งสินค้ารักษ์โลกของเขาถูกผลิตมาจากยางรถหลายประเภทที่ใช้แล้ว จากหน้าตาของยางกลมๆ สีดำสกปรก ก็แปลงร่างกลายเป็นข้าวของเครื่องใช้ได้หลากหลายทั้งกระเป๋าถือ และกระเป๋าสตางค์ ที่สวยงามจนแทบไม่เหลือเค้าเดิม
 คนหัวใจรักษ์โลกเหล่านี้ตอกย้ำว่าวันนี้แนวคิดการอนุรักษ์พิทักษ์สิ่งแวดล้อมเป็นประเด็นสำคัญ จะเรียกว่าเป็นวาระแห่งชาติก็คงไม่หลุดความจริงไปมากนัก 'ลดใช้ ใช้ซ้ำ และนำกลับมาใช้ใหม่' จึงเป็นคีย์เวิร์ดสำคัญของคนยุคนี้
 ผู้ผลิตรักษ์โลก
 การหันมาใช้สินค้าสีเขียว ช่วยกันแยกขยะ ประหยัดน้ำ-ไฟฟ้า หากทำในระดับครัวเรือนนั้นเชื่อว่าคงช่วยลดโลกร้อนและยื้อธรรมชาติให้เสื่อมโทรมช้าลงได้บ้าง แต่นั่นก็ยังไม่มากพอ ต้องอาศัยการมีส่วนร่วมของภาคอุตสาหกรรมด้วย เพราะจากข้อมูลหลายแหล่งพบว่าโดยเฉลี่ยกรุงเทพฯ ปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์มากกว่า 42 ล้านตันต่อปี โดยตัวการอันดับต้นๆ ก็คือ ภาคอุตสาหกรรมการผลิต
 ประเทศไทย ณ วันนี้ มีผู้ผลิตสินค้าในระบบโรงงานที่เลือกจะเปลี่ยนแมททีเรียลหรือกระบวนการผลิตสินค้าเพื่อลดพลังงานน้อยมาก แต่ก็ยังพอมีให้เห็นบ้าง อย่างสโลแกน 'เลือก ดื่ม บิด' ของน้ำดื่มยี่ห้อหนึ่งที่เรียกเรทติ้งจากคนรุ่นใหม่ได้ดีเยี่ยม เป็นตัวอย่างที่เห็นชัดเจนว่าแม้แต่นักลงทุนยุคนี้ก็ต้องรู้จักสร้างมูลค่าให้สินค้าของตนโดยการดึงเอากระแสลดโลกร้อนเข้ามาด้วย หากตัดเรื่องผลกำไรและการสร้างภาพลักษณ์องค์กรออกไป การใช้วัสดุใหม่ตัวนี้ก็นับว่าช่วยลดไข้ให้โลกไปได้มากทีเดียว
 หากต้องการให้แนวคิดนี้ให้ต่อเนื่อง ไม่เป็นไฟไหม้ฟางเหมือนประเด็นอื่นๆ ในสังคมไทย ก็ต้องอาศัยการกระตุ้นกระแสรักษ์โลกให้บ่อยขึ้นชนิดที่ว่าอยู่ทุกลมหายใจเข้าออก เมื่อไม่นานนี้ศูนย์สร้างสรรค์งานออกแบบ (TCDC) ได้จัดนิทรรศการ “ณ วันนี้และตลอดไป : พลิกมุมใหม่ใส่ใจสิ่งแวดล้อม” ขึ้นมาซึ่งสามารถกระตุ้นแนวคิดรักษ์โลกให้คุกรุ่นขึ้นมาในใจของใครหลายคนอีกครั้ง
 หลักใหญ่ใจความของงานนี้ ต้องการเสนอแนวคิดว่าการออกแบบผลิตภัณฑ์ (ในภาคอุตสาหกรรม) ที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมเป็นสิ่งสำคัญ แต่การทำให้มันยั่งยืนสำคัญยิ่งกว่า ดังนั้นการออกแบบอย่างยั่งยืนอาจไม่ต้องเริ่มจากการแก้ปัญหาสิ่งแวดล้อมมาเป็นตัวตั้ง ไม่จำเป็นต้องจำกัดอยู่แค่คำว่า 'วิถีสีเขียว' หรือ 'เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม' แต่สามารถทดแทนด้วยคำว่า 'น่าสนใจ ท้าทาย ล้ำยุค' เพื่อสร้างสินค้าที่แปลกใหม่ (ให้ขายได้และอยู่รอดได้ในแง่ธุรกิจ) ในขณะเดียวกันก็ผสมผสานวิทยาการและเทคโนโลยีสมัยใหม่เพื่อปรับตามสิ่งแวดล้อมที่เปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว
 ในนิทรรศการมีทั้งผลงานจากนักออกแบบต่างชาติและฝีมือคนไทย ชิ้นที่โดดเด่นแปลกตาก็เช่น เก้าอี้ลามินาเรียม ที่มีผิวด้านนอกทำมาจากแผ่นสาหร่ายสีน้ำตาลที่พบได้ตามชายฝั่งมาเป็นวัสดุใช้งานทดแทนพลาสติกและไม้ที่กำลังจะหมดไป หรือ มอส เทเบิล โต๊ะที่สร้างพลังงานในตัวเองจากกระบวนการสังเคราะห์แสงของพืช หรือผลงานคนไทยอย่าง เครื่องอบแห้งพลังงานแสงอาทิตย์ ของ รศ.ดร.เสริม จันทร์ฉาย อาจารย์จากภาควิชาฟิสิกส์ คณะวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยศิลปากร ที่ถูกคิดค้นขึ้นเพื่อทำหน้าที่ควบคุมอุณหภูมิ ความชื้น และระยะเวลาในการอบผลไม้ อีกทั้งยังผลิตได้ในทุกฤดูกาลในมาตรฐานการส่งออก
 อาจารย์เสริมบอกว่า การอบผลไม้แห้งเพื่อขายเชิงพาณิชย์ในบ้านเรายังไม่มีคุณภาพ ไม่สามารถส่งออกได้ แถมยังสิ้นเปลืองพลังงาน กล้วยอบแห้งที่ทางการต้องการสนับสนุนให้เป็นสินค้าส่งออก แต่เดิมผู้ผลิตใช้วิธีการตากไว้กลางแจ้ง ซึ่งทำให้มีเศษฝุ่นหรือแมลงวันตอม ผลไม้ก็ปนเปื้อนสิ่งสกปรก พอสกปรกก็เอามาล้างน้ำทำความสะอาดแล้วจึงนำไปอบด้วยแก๊สอีกทีให้แห้ง ขั้นตอนนี้เองที่ทำให้สิ้นเปลืองเชื้อเพลิงอย่างมหาศาล
 "บ้านเราเป็นเมืองร้อน เรื่องแสงอาทิตย์นี่คิดว่าดีกว่าประเทศอื่นๆ เราก็ควรใช้ประโยชน์จากสิ่งที่เรามีเพื่อเพิ่มมูลค่าให้ผลิตภัณฑ์ของเรา ซึ่งโรงอบแบบนี้ไม่ต้องใช่แก๊สมาอบซ้ำ ก็ลดการใช้พลังงานลงไปได้จริงๆ เราร่วมกับกระทรวงพลังงานพัฒนาให้เป็นระบบใหญ่ เราเป็นแห่งแรกในเมืองไทยที่พัฒนาให้เป็นระบบใหญ่ อบได้ 500-600 กก. ใช้ในเชิงพาณิชย์ได้จริงๆ"

 ตอนนี้โรงอบแสงอาทิตย์แนวคิดไทยๆ ถูกส่งต่อไปยังเกษตรกรทั่วประเทศ ซึ่งอาจารย์เสริมเป็นหัวเรือใหญ่ในการเข้าติดตั้งโรงอบซึ่งมีประมาณ 12 แห่ง ในชุมชน ผ่าน อบต.หรือวิสาหกิจชุมชน
 "ในโครงการนำร่องนี้เราเข้าไปติดตั้งให้ทุกภาค อย่างภาคเหนือก็ติดตั้งไว้ที่โครงการหลวงตามจุดต่างๆ เช่น ดอยตุง ภาคใต้ก็มีหลายที่ ลงไปจนถึง จ.นครศรีธรรมราช ภาคอีสานก็มีที่ จ.นครพนม และอีกหลายจังหวัดในภาคกลาง คิดว่ามันช่วยสิ่งแวดล้อม ช่วยตรงๆ คือช่วยลดพลังงาน ผลพลอยได้ก็กระจายรายได้ให้คนในท้องถิ่นด้วย"
 นอกจากนี้อาจารย์เสริมยังสะท้อนทัศนะต่อวงการอุตสาหกรรมบ้านเราว่า ตอนนี้ผู้ผลิตยังไม่ค่อยสนใจหรือใส่ใจกับปัญหาดังกล่าว หรือแม้แต่ผู้บริหารนโยบายหลักอย่างรัฐบาลเองก็ไม่ค่อยจริงจัง แต่ถ้าภาคอุตสาหกรรมหันมามองเรื่องนี้มากขึ้นก็น่ายินดีและต้องร่วมมือให้เกิดเครือข่าย ขยายวงออกไปให้กว้าง ต้องขวนขวายหาเทคโนโลยีที่ช่วยประหยัดพลังงาน ประหยัดวัสดุ  ถ้าหลายๆ คนช่วยกันก็ทำ สิ่งแวดล้อมก็จะดีขึ้น อย่างงานนิทรรศการที่เอาผลงานโรงอบไปเผยแพร่ ก็เป็นอีกก้าวของการพัฒนาในระดับอุตสาหกรรมสีเขียว ซึ่งต้องกระตุ้นกันให้ต่อเนื่อง
 เรารักษ์โลก
 ก้าวต่อไปของอุตสาหกรรมโลกใหม่ยังต้องการแรงใจแรงกายของหลายฝ่ายช่วยกันใส่ไอเดียสร้างสรรค์ ทั้งการพัฒนาแนวความคิด การเลือกใช้พลังงานจากแหล่งที่มีความยั่งยืนและการผลิตสิ่งใหม่ๆ จากแมททีเรียลที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม หรือจากเศษเหลือของการผลิตครั้งก่อน ทั้งหมดนี้ล้วนต้องสอดคล้องเชื่อมโยงกันไปเป็นห่วงโซ่
 ผศ.ดร.สิงห์ อินทรชูโต อาจารย์คณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ผู้คร่ำหวอดในวงการนักออกแบบเพื่อสิ่งแวดล้อมของเมืองไทย และเป็นเจ้าของกรีนโปรดักแบรนด์ดัง OSISU ให้มุมมองต่อสถานการณ์เรื่องสิ่งแวดล้อมในภาพกว้างๆ ว่า การออกแบบเพื่อสิ่งแวดล้อมในไทยตอนนี้ยอมรับว่ามีมากขึ้น ซึ่งเป็นเทรนด์มาพักใหญ่แล้วแต่ยังเป็นเพียงกลุ่มเล็กๆ ยังไม่ใช่การค้าหรืออยู่รอดได้ในเชิงพาณิชย์
 "ถ้าเป็นลักษณะ commercial ตอนนี้ผมว่ายังน้อยอยู่ คือดีไซเนอร์หน้าใหม่ทำเยอะขึ้น คนจัดอีเวนท์ทำมากขึ้น แต่ปัญหาคือคนที่ทำไม่ใช่เจ้าของธุรกิจ กลายเป็นว่าเขามารณรงค์ให้สังคมช่วยๆ กันทำ แต่คนที่เป็นเจ้าของธุรกิจดันไม่ยอมทำ ถ้าเปรียบเทียบกับเมืองนอกเขามีเป็นกฎหมาย เขาชัดเจน ทำแล้วไม่ตลก ทำเป็นเรื่องเป็นราวร่ำรวยกันไปเยอะแล้ว แต่บ้านเราแค่แยกขยะยังทำไม่ได้เลย คนไทยตระหนักรู้นะ รู้แล้วว่าต้องอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมแต่ยังไม่เกิด Action"
 สินค้าเทรนด์รักษ์โลกตามอีโคช็อปต่างๆ เจ้าของแบรนด์ OSISU คาดการณ์ว่าจะมาแน่นอนไม่หายไปไหน เพียงแต่จะมาช้ามาก เนื่องจากภาคอุตสาหกรรมของไทยไม่ได้ผลิตสินค้าสีเขียวด้วยจิตสำนึก แต่ทำด้วยตัวเงิน เมื่อไม่มีเงินมาขับเคลื่อนก็ไม่มีการผลิต ซึ่งตรงนี้หากทำด้วยจิตสำนึก สินค้าเทรนด์รักษ์โลกจะไปเร็วกว่านี้แน่นอน ซึ่งทางออกต้องอาศัยผู้บริโภคหรือลูกค้าเป็นตัวขับเคลื่อน
 "ต้องเป็นคนในสังคมวงกว้างแล้วล่ะที่ต้องทำ เพราะผู้ผลิตไม่ยอมทำ ลูกค้าต้องเป็นคนที่ทำให้เกิดขึ้น ผมว่าทางที่ดีที่สุดต้องทำแคมเปญให้ความรู้กันมากๆ กับฝั่งลูกค้าหรือผู้บริโภค เพราะว่าตอนนี้ ผู้ผลิตแย่ ไม่ได้เรื่อง ไม่เขยื้อน ไม่ Offer และ Action ตอนนี้กลายเป็น CSR มันเลยไม่ได้ขยายไปว่าทำเป็นธุรกิจได้จริงๆ"
 การจะทำให้สินค้าเทรนด์รักษ์โลกเป็นที่น่าสนใจของคนไทยและสามารถอยู่รอดได้นั้น อาจารย์นักออกแบบท่านเดิมคาดหวังว่าใช้เวลาอีกไม่นาน หากมีกฎหมายนานาชาติออกมาบังคับมากขึ้น ซึ่งภายใน 5 ปีนี้จะมีกฎหมายนานาชาติบังคับให้สินค้าที่ไม่อนุรักษ์สิ่งแวดล้อมจะไม่สามารถส่งออกต่างประเทศได้ หากกฎหมายนี้เกิดขึ้นจริงรับรองว่าใน 5 ปีนี้สินค้าบ้านเราก็จะต้องปรับเปลี่ยนตามไปด้วย
 "ประเทศเราเป็นผู้ตามที่ดี ไม่ใช่ผู้นำ มันจะเกิดจากการถูกบังคับให้ทำ ไม่ใช่เกิดจากการที่เรามีจิตวิญญาณที่จะทำ นี่คือ Fact และถ้าอยากให้สินค้ารักษ์โลกเป็นเทรนด์ในบ้านเรานะ ผมว่าเกี่ยวกับสื่อด้วย สื่อต้องพยายามทำให้ความเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมนั้นไม่ใช่การสงสารโลก แต่การเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมนั้น เป็นความเท่ คูล ฉลาด เหมือนสูบบุหรี่คนคิดว่าเท่เขาก็เลยสูบ เราต้องทำให้เรื่องสิ่งแวดล้อมเป็นความเท่ ไม่ใช่เป็นเด็กดี คือเด็กสมัยนี้ไม่ได้ต้องการให้ใครมาชมว่าเป็นเด็กดี แต่เขาอยากเท่ อยากเซ็กซี่ ถ้าทำให้เรื่องอีโค่เป็นเรื่องเท่และเซ็กซี่ เป็นเรื่องอินเทรนด์ คนรุ่นใหม่ก็จะซื้อสินค้าเหล่านี้มากขึ้น"
 แต่ไม่ว่าจะอย่างไร เด็กในวันนี้ก็คือความหวังของโลกอนาคต เพราะคนรุ่นใหม่ถือเป็นตัวจริงในสนาม ไม่ใช่เพียงแค่รับรู้ในแนวคิดเท่านั้น แต่กลุ่มคนรุ่นใหม่เป็นกลุ่มที่จะลงมือทำให้ภาพเหล่านี้เกิดขึ้นได้จริง และส่งต่อการกระทำนี้ให้ต่อเนื่องยาวนานไปถึงคนรุ่นต่อๆ ไป

แหล่งที่มา : http://www.bangkokbiznews.com

Graphic Design กราฟฟิกดีไซน์สำคัญกับทุกอย่าง!?


จริงหรือที่กราฟฟิกดีไซน์สำคัญกับทุกอย่างในโลก?

ลองมองรอบๆตัวคุณสิครับว่า มีอะไรบ้างที่เป็นกราฟฟิกดีไซน์บ้าง? เช่น ขวดน้ำที่มีฉลากโลโก้สินค้า, กรอบรูปที่คุณโปรด, หน้าปกหนังสือที่มีสีสัน ฯลฯ ทุกอย่างถูกสร้างขึ้นมาโดยการออกแบบทางศิลปะที่เรียกว่า “กราฟฟิกดีไซน์”
กราฟฟิกดีไซน์ไม่จำเป็นต้องอยู่บนโลกอินเตอร์เน็ทเสมอไปดังที่ผมยกตัวอย่างข้างต้น ส่วนใหญ่มักจะเข้าใจผิดว่ากราฟฟิกดีไซน์มักจะทำในโลกอินเตอร์เน็ทเท่านั้น เช่น การออกแบบหน้าเว็บไซท์ให้สวยงาม ซึ่งเห็นได้ทั่วไปจนชินตา

แล้วกราฟฟิกดีไซน์สำคัญกับโลกเราอย่างไร?

ลองมองไปรอบตัวคุณสิครับ ถ้าสมมุติว่าทุกอย่างไม่มีสีสัน ทุกอย่างเป็นสี่เหลี่ยมแข็งๆทื่อๆ หรืออาจจะเป็นทรงกลมเพียงอย่างเดียว มันก็คงจะไม่เข้าหูเข้าตากับชีวิตประจำวันของเราแน่ๆ
ทำไมกราฟฟิกดีไซน์ถึงถูกใช้ขึ้นมาในโลก ก็เพราะว่า “มนุษย์มักจะชอบความแตกต่างเสมอ” หมายถึงชีวิตของมนุษย์จะไม่คงอยู่กับที่ จะไม่คงอยู่กับสิ่งเดิมๆที่เห็นตลอด (ยกเว้นเรื่องสามี-ภรรยา) ดังนั้นจึงมีคนที่สามารถคิดออกแบบสิ่งที่เปลี่ยนแปลงไปจากเดิม หรือที่เรียกว่า ครีเอเตอร์ (Creator) หรือในสมัยนี้เรียกใหม่กันว่า ดีไซน์เนอร์ (Designer)
ดูๆไปเหมือนคำว่า ครีเอเตอร์ จะไม่คุ้นหูคุ้นตาเราในชีวิตประจำวันสักเท่าไหร่ ไม่เหมือนกับ ดีไซน์เนอร์ ที่เมื่อพูดถึงชื่อก็ต้องร้องอ๋อกันทุกคน ปกติ ครีเอเตอร์ ไว้เรียกคนที่มีความสามารถสร้างสรรค์สิ่งต่างๆได้โดยใช้ความคิดด้านตรรกศาสตร์เพียงอย่างเดียว (เช่น วิศวกร, นักสถาปัตย์ เป็นต้นฯ)

องค์ประกอบของกราฟฟิกสำหรับดีไซน์เนอร์มีอะไรบ้าง?

องค์ประกอบจะถูกจัดให้เป็นหมวดใหญ่ๆอยู่ 5 หมวดด้วยกันคือ
1. รูปร่าง
2. สีสัน
3. ขนาด
4. องค์ประกอบ
5. ความหลากหลาย
รูปร่าง เป็นความสำคัญอันดับหนึ่ง ถ้าพูดถึงการออกแบบเว็บไซท์ก็คือ “คุณจะทำอย่างไรให้เว็บไซท์ของคุณดูมีความเป็นเอกลักษณ์ตรงกันมากที่สุด” เช่น ถ้าคุณออกแบบเว็บไซท์เกี่ยวกับเกมส์ คุณจะต้องออกแบบรูปร่างเว็บไซท์ให้เข้ากับเกมส์มากที่สุด
สีสัน เป็นความสำคัญรองลงมา สีให้อารมณ์ที่หลากหลาย ดังนั้นจึงต้องเข้ากับสิ่งที่คุณได้ออกแบบไว้ให้ดี ถ้าเกิดสีไม่สัมพันธ์กันกับรูปร่าง มันก็จะออกมาเป็นผลงานที่ไม่มีคุณภาพ เช่น ถ้าพูดถึงทองแดง ก็จะต้องทำสีให้เป็น “น้ำตาลแดงเหลือบทอง” แต่ถ้าคุณทำสีอื่นเช่น “น้ำเงินเข้มเหลือบเงิน” มันจะใช่ทองแดงมั้ยละครับ?
ขนาด เป็นความสำคัญอันดับสามที่ต้องควบคุมร่วมกับองค์ประกอบ มีความจำเป็นเรื่องการออกแบบด้านสัดส่วนของสิ่งนั้น ถ้าพูดถึงเว็บไซท์ก็จะเป็นด้านความยาว ความกว้าง การเรียงสัดส่วนรูปภาพ เป็นต้นฯ
องค์ประกอบ เป็นความสำคัญลำดับสุดท้ายแต่ยังไม่ท้ายสุด ถ้าคุณจะทำงานใดงานหนึ่ง คุณต้องจัดลำดับองค์ประกอบให้เข้ากันอย่างลงตัวก่อน นักดีไซน์เนอร์เก่งๆมักจะจัดองค์ประกอบก่อนการเริ่มงานเสมอ เช่น บางคนเปิดโปรแกรม MS – Paint แล้วเริ่มบรรจงวาดรูปลงไปอย่างเละๆ แล้วค่อยเริ่มจัดรูปเละๆนั่นให้เป็นรูปร่างเว็บไซท์ โดยอาศัยหลักการจัดองค์ประกอบอย่างละเอียด จนเริ่มสร้างเว็บไซท์ตามที่วาดรูปลงในโปรแกรมนั้น จนสุดท้ายก็ออกมาอย่างสวยงาม
ความหลากหลาย เป็นสิ่งที่นักดีไซน์เนอร์บางคนขาดไป เพราะนักดีไซน์เนอร์ส่วนใหญ่มักจะติดกับการออกแบบโดยใช้ความถนัดด้านรูปร่างที่เคยออกแบบมาสร้างสรรค์ผลงานใหม่ แต่แค่เปลี่ยนองค์ประกอบให้เปลี่ยนแปลงไปจากเดิม ยกตัวอย่างเช่นเว็บไซท์หลายเว็บไซท์ที่มีเมนูแบบ Sidebars (เมนูที่ติดอยู่ข้างๆเว็บ) ซึ่งทำให้กินเนื้อที่ในการออกแบบด้านขนาด (หมายถึงถ้าเมนูมี Button เยอะๆ หรือมี Ads เยอะๆ ก็จะทำหน้าหน้าเว็บไซท์ยาวขึ้น) แต่บางเว็บไซท์แก้ปัญหานี้โดยใส่ JavaScript ให้ย่อเมนูเก็บลงไปได้ หรือสร้างเมนูย่อยลงไปอีกเพื่อเก็บ Button อื่นๆไว้ เป็นต้นฯ

การเป็นนักกราฟฟิกดีไซน์เนอร์ที่ดีควรทำอย่างไร?

คำถามนี้มักจะเกิดขึ้นในหัวของนักดีไซน์มือใหม่เสมอ ซึ่งผมได้หาคำตอบมาให้แล้วครับ
1. อย่ากังวลว่าผลงานตัวเองห่วย เพราะการที่คุณคิดว่าผลงานของคุณห่วย นั่นคือคุณได้ดึงเส้นด้ายจินตนาการของคุณขาดไปแล้ว
2. สร้างความมั่นใจในผลงานของตน คล้ายๆกับข้อที่หนึ่ง ดูเหมือนง่าย แต่ความจริงยากมาก เวลาคุณทำงาน อย่าสร้างความเครียดให้กับตนเอง แต่ให้คิดว่าคุณกำลังสนุกกับการทำงาน ผมเรียกวิธีนี้ว่า “Enjoy your Imaginations”
3. ไม่ควรคิดหักโหมกับจินตนาการ เพราะงานดีไซน์ของคุณจะออกมาไม่ดี ควรไปพักผ่อนให้สมองผ่อนคลายลง เพราะงานดีไซน์ที่ดีไม่ได้มาจากกำลังสมอง แต่มาจากอารมณ์ของคนคิด ดังนั้นพักถ้าคุณคิดว่าไม่ไหว ลองดื่มน้ำเย็นๆสักแก้วแล้วนั่งฟังเพลงหรือดูทีวีก็ได้!
4. จินตนาการอยู่ทุกที่ บางเวลาถ้าคุณได้มีโอกาสไปเที่ยวพักผ่อน ลองหลับตาแล้วฟังเสียงของสายลมดู ลองจินตนาการตามที่คุณได้เห็นภาพเมื่อคุณหลับตา แล้วลองคิดออกแบบตามหลักของนักดีไซน์เนอร์ดู บางทีผลงานขอบคุณออกมาอาจจะดีเกินที่คาดคิดไว้
5. ไม่ควรขี้เกียจ อันนี้สำคัญ เพราะนักดีไซน์เนอร์ส่วนใหญ่มักจะส่งงานให้เจ้านายหรือผู้รับจ้างล่าช้าเสมอ (เรื่องจริงนะ! ผมเคยไปทำแบบสอบถามแล้ว) บ้างก็อ้างว่า คิดงานไม่ออก หรือไม่ก็ งานเยอะ พอไปดูเบื้องหลังกลับเห็นนั่งเล่นเกมส์ หรือไม่ก็ดูภาพยนต์ ลองปรับพฤติกรรมเล็กน้อยในชีวิตประจำวันดูครับ
6. สมุดพก จะสมุดอะไรก็ได้ มีเส้นหรือไม่มีก็ได้ แต่ขอให้พกติดตัว เวลาคุณคิดอะไรได้ขึ้นมา หรือนั่งเหม่อลอยอยู่จู่ๆก็มีความคิดพุ่งขึ้นมาแล้วคุณคิดว่าควรเก็บไว้ จดมันลงในสมุดนั้นเลยครับ บางทีคุณอาจจะได้ใช้มันในอนาคต
ผมหวังว่า บทความที่ผมเขียนมานั้นจะทำให้คุณได้เข้าใจเกี่ยวกับกราฟฟิกดีไซน์เนอร์ขึ้นบ้าง สัปดาห์หน้าพบกันกับอีกบทความหนึ่งเกี่ยวกับ “กราฟฟิกดีไซน์กับความจำเป็นของจิตวิทยามนุษย์”ที่จะสอนเกี่ยวกับการออกแบบกราฟฟิกดีไซน์ให้ลงตัวกับผลงานของคุณอย่างสวยงามเลยทีเดียว วันนี้ขอลาไปก่อนนะครับ แล้วพบกันใหม่
LuviKunG

What is Graphic design ? อะไรคือกราฟฟิกดีไซ


สมุมติว่าคุณต้องการประกาศหรือขายอะไรสักอย่าง ที่จะทำดูให้สนุกหรือชักชวนบางคนให้มาดู และอธิบายส่ิงที่ยากจะเข้าใจหรือสาธิตวิธีการใช้คุณต้องมีข้อความที่จะสื่อสาร คำถามคือ คุณจะส่งข้อความนั้นอย่างไร คุณอาจจะบอกกับคนอื่น ๆ ด้วยการประกาศทางวิทยุ หรือใช้เครื่องกระจายเสียง นั้นคือการสื่อสารที่ใช้โดยการพูด แต่ถ้าคุณใช้สือที่จะให้มองเห็นรูปลักษณ์ทั้งหมด ถ้าคุณทำโปสเตอร์ การพิมพ์จดหมาย ออกแบบโลโก้ให้กับธุรกิจ โฆษณาบนแมกกาซีน หรือ ปกอัลบัม แม้กระทั่งทำออกมาจากคอมพิวเตอร์ คุณกำลังใช้สื่อที่ทำ ให้มองเห็นด้วยตา นั้นแหละเรียกว่า กราฟฟิกดีไซน์
งานกราฟฟิกดีไซน์ที่ทำด้วยการวาด พิมพ์ ภาพถ่าย หรือภาพจากคอมพิวเตอร์ แต่สิ่งเหล่านั้นจะพบในรูปแบบของตัวอักษร ที่ถูกสร้างขึ้นมาแบบหลากหลาย มักจะพบในเครดิตหนัง และ โฆษณาในทีวี ในหนังสือ แมกกาซีน และ เมนู และบนหน้าจอคอมพิวเตอร์
นักออกแบบจะสร้าง เลือก และนำองค์ประกอบเหล่านั้นมารวมกัน ข้อความ รูปภาพแล้วส่ิ่งที่อยู่รอบ ๆ สิ่งเหล่านั้นถูกเรียกว่า พื้นที่ว่างสีขาว กราฟฟิกดีไซน์คือส่วนหนึ่งของชีวิตประจำวันจากสิ่งที่ง่าย ๆ อย่างกล่องใส่หมากฝรั่งจนไปถึงลายสกรีนบนเสื้อเชิ้ตที่คุณสวมใส่เป็นกราฟฟิกดีไซน์
อย่างที่ไม่เป็นทางการ การชักชวน การกระตุ้น เอกลักษณ์ การดึงดูดความสนใจ หรือการสรรหาความพึงพอใจ
กราฟฟิกดีไซน์คือกระบวนการความคิดสร้างสรรค์ที่รวมเข้ากับงานศิลปะและเทคโนโลยีสู่สื่อความคิดสร้างสรรค์นักออกแบบที่ทำงานกับเครื่องมือสื่อสารที่หลากหลายจากสั่งที่จะถ่ายทอดข้อความจากลูกค้าถึงผู้ชมสื่งที่เป็นหลักสำคัญคือรูปและข้อความ
เรื่องของรูปภาพ
นักออกแบบได้พัฒนาภาพที่จะเป็นตัวแทนไอเดียของลูกค้าเหล่านั้นที่ต้องการให้สื่อออกไป ภาพสามารถทำให้ดูมีพลังในการสื่อสาร ไม่แสดงเพียงแต่ข้อมูลแต่รวมไปถึงอารมณ์และความรู้สึก ผู้คนจะตอบสนองภาพที่เห็นด้วยความคิดส่วนตัวหรือความรู้สึกของพวกเค้า ความคิดที่เชื่องโยงและประสบการณ์ที่เคยได้รับตัวอย่างเช่น คุณรู้ว่าพริกเผ็ดก้อคือเผ็ด และนั้นก้อคือความรู้ที่ถูกนำมารวมเข้ากับภาพและถูกสร้างขึนด้วยที่มีความนัยแฝงอยู่ในกรณีของรากฐานของรูป ภาพจะต้องสื่อผ่่านไปถึงข้อความ มันเหล่านั้นอาจจะเป็น ภาพถ่าย ภาพสิ่งพิมพ์ ภาพวาด ภาพเพียงภาพเดียวมีคุณค่าและความหมายเพราะมันอาจจะสื่อคำพูดมาเป็นพัน ๆ คำ
เรื่องของข้้อความ
ในบางกรณี นักออกแบบต้องมั่นใจคำในการถ่ายทอดข้อมูล แต่เขาอาจจะใช้คำที่แตกต่างจาก ในทางของผู้เขียนโดยนักออกแบบจะมองว่าอะไรคือเป็นคำที่สำคัญของความหมาย รูปแบบในการมอง หรือ เทคนิคในการเรียงข้อความ(การออกแบบในการสื่อสาร หมายถึง คำที่พิมพ์ออกมา หรือ คำที่เขียนขึ้นมาเอง และมีหน้าที่ในการสื่อสารมากมาย โดยมันสามารถจับกลุ่มคำในโดยการจัดแต่ง บน แผ่นป้ายโฆษณาของคุณหรือตัวอักษรประดิษฐ์ขึ้น การระบุชื่อผลิตภัณฑ์บนหีบห่อสินค้า หรือ ธุรกิจการค้า และการออกแบบโดยการดำเนินรูปแบบต้นฉบับเกี่ยวกับการเรียง พิมพ์ที่ทำลงในหนังสือ นักออกแบบ เป็นผู้เชี่ยวชาญที่จะมีการนำเสนอข้อมูลในรูปบบวิสัยทัศน์จาก การพิมพ์ หรือ แผ่นฟิลม์ , หีบห่อ หรือ เครื่องหมายเมื่อคุณมองโดยทั่วไป หน้ากระดาษที่ถูกพิมพ์จะมีขึ้นหัวข้อ ต่อเนื่องกันไป และ อะไรที่รวมถึงการออกแบบ เช่น หน้าตัวอย่างที่เห็นจากภายนอก คิดเกี่ยวกับ อะไรที่คุณทำ ถ้าคุณถามถึงการออกแบบหน้ากระดาษอีกครั้ง คุณต้องการเปลี่ยนรูปร่างหน้าลักษณะของตัวพิมพ์ชนิดต่าง ๆ ทั้งหมดหรือรูปแบบของขนาด หรือคุณต้องอะไรที่เกี่ยวกับการแบ่งหัวข้อ ใน สอง รูปแบบที่กระทัดรัดขึ้น ริมขอบกระดาษและช่องว่างคำระหว่างการจัดเป็นย่อหน้าและแนวเส้นบรรทัดใ คุณต้องการจัดยอ่หน้าให้มีช่องว่างของความย่อหน้า
ภาพและตัวอักษร
บ่อยครั้งที่นักออกแบบจะเอาภาพรวมเข้ากับคำที่จะสื่อออกไปเป็นข้อความของลูกค้าที่จะส่งให้กับคนอื่น ๆ พวกเค้าสำรวจงานสร้างสรรค์ที่จะเป็นไปได้ที่จะใช้คำและภาพ มันไม่ได้ขึ้นอยู่ที่ว่าจะทำยังไงให้ออกมาให้เหมาะสมระหว่างภาพและข้อตัวคำแต่ ต้องทำให้เห็นว่ามันจะต้องสมดุลกันให้มากที่สุดนักออกแบบต้องประสานกับลูกค้าและผู้ชมคนอื่น ๆ ผู้ชมเป็นส่วนหนึ่งของขั้นตอนการออกแบบลูกค้าไม่เหมือนกับผู้ชม นักออกแบบต้องเรียนรู้โครงสร้างของข้อความเป็นอย่างไรแล้วจะเสนอมันยังไงให้ประสบความสำเร็จ
คนที่ทำงานกับลูกค้าที่เข้าใจเนื้อหาและจุดประสงค์ของข้อความ พวกเค้าจะร่วมมือด้วยการสำรวจตลาดและระบุความเข้าใจตามธรรมชาติของผู้ชม
สัญลักษณ์ โลโก้ และ ประเภทของโลโก้
สัญลักษณ์ คือ ตัวแทนของนามธรรม ที่ออกแบบมาเป็นเอกลักษณ์ นักออกแบบต้องมีวิสัยทัศน์ที่กระจ่างใสที่จะได้ออกแบบโลโก้ที่ซึ่งหมายถึงว่ามันจะถ่ายทอดข้อมูลถึงผู้ชมโดยตรง
อ้างอิง : Graphic Design: A Career Guide and Education Directory Edited by Sharon Helmer Poggenpohl
 แปลโดย ศิศธร ญาณวินิจ

นิทรรศการภาพถ่ายศิลปนิพนธ์ "RUNW4Y"


นิทรรศการภาพถ่ายศิลปนิพนธ์ โดยสาขาศิลปะภาพถ่าย คณะศิลปะและการออกแบบ มหาวิทยาลัยรังสิต จัดขึ้นเพื่อเผยแพร่ผลงานนักศึกษาศิลปนิพนธ์ ชั้นปีที่ 4 สาขาศิลปะภาพถ่ายแสดงออกถึงศักยภาพในการศึกษา มุมมอง การแสดงออกทางด้านศิลปะภาพถ่าย ซึ่งเสนอในหัวข้อ "RUNW4Y" เปรียบดั่งการแสดงผลงานนี้เป็นเหมือน Runway ของสนามบิน มีทั้งเครื่องบินที่กำลังจะทยานขึ้น และกำลังจอดลงอย่างช้าๆ โดยที่นักศึกษาเป็นดั่งเครื่องบิน มีทางเลือกว่าจะไปทางไหน จะได้ไปต่อหรือจะจอดหยุดนิ่ง ทุกอย่างได้แสดงออกไว้ ณ ที่นี้แล้ว

นิทรรศการ "RUNW4Y"
จัดขึ้นระหว่างวันที่ 22-27 พฤษภาคม พ.ศ.2555
ณ Crystal Design Center (CDC)
อาคาร D ชั้น 1

เปิดงานแสดงนิทรรศการวันที่ 22 พฤษภาคม พ.ศ.2555
เวลา 17.00-20.00 น.
โดย คุณมานิต ศรีวานิชภูมิ
 

ภาพถ่ายที่แพงที่สุดในโลก!!!

99 เซนต์ แต่แพงที่สุดในโล
โดย :รอยนวล


99 Cent II Diptychon, © copyright 2001 door Andreas Gursky
----------------------------

ภาพถ่ายที่แพงที่สุดในโลก!!! เป็นสถิติที่สร้างขึ้นเมื่อปี 2007 ในการประมูลของซอเธบี ด้วยค่าตัว 3.34 ล้านเหรียญสหรัฐ


ทำให้ผลงานของ “แอนเดรียส เกอร์สกี” ซึ่งมีชื่อว่า “99 Cent II Diptychon” โด่งดังไปทั่วโลก
ลั่นไกถ่ายไว้ตั้งแต่ปี 1999 ภาพนี้จึงถูกเรียกอีกชื่อว่า “99 cent.1999” ภาพภายในซูเปอร์มาร์เก็ต ซึ่งแบ่งออกเป็น 2 ส่วน มีทางเดินหลายช่อง เต็มไปด้วยสิ่งของมากมาย หลากหลายสีสัน ภาพถ่ายนี้ใช้เทคนิคของเทคโนโลยียุคดิจิตอล ผ่านการทำให้เกิดสีในแบบที่เรียกว่า โครโมจีนิก หรือ ซีพรินต์

แอนเดรียส เกอร์สกี ชาวเยอรมัน ปัจจุบันอายุ 54 ปี นับเป็นหนึ่งในช่างภาพที่ยิ่งใหญ่ที่สุดซึ่งยังมีชีวิตอยู่ เขามีชื่อเสียงในเรื่องการถ่ายภาพสถาปัตยกรรมขนาดใหญ่ และภาพแลนด์สเคปที่เต็มไปด้วยสีสัน งานของเขาส่วนมากมักเป็นการถ่ายจากมุมสูง


Andreas Gursky, 99 Cent II Diptychon, 2001, C-print mounted to plexiglass, 2x 207 x 307 centimeter