เรือเกลือลำสุดท้ายที่ไปดาวคะนอง


"บ้านของพี่ทำนา ปลูกข้าวทุกเมื่อ
น้องก็ทำนาเกลือ ขายเกลือนั้นซื้อข้าวกิน
บ้านของพี่อยู่ที่กาฬสินธุ์
ส่วนตัวยุพินอยู่สมุทรสาคร"
            เพลงหนุ่มนาข้าวสาวนาเกลือเพลงนี้กำลังจะเหลือแต่เพลง เพราะเรือเกลือลำสุดท้ายที่แล่นไปเกือบถึงดาวคะนองกำลังโรยแรงแล้ว 
         ผมโชคดีมากที่ครั้งหนึ่งด้วยความนึกสนุกอยากตามรอยบรรพบุรุษจึงขอตาวัฒน์นายท้ายเรือเกลือลำสุดท้ายที่แล่นไปเกือบถึงดาวคะนอง(ปัจจุบันมีประตูกั้นคลองที่จะไปดาวคะนอง) ตาวัฒน์ไม่ปฏิเสธแต่เล่าถึงความยากลำบากในการเดินทางที่ต้องใช้เวลาถึง 8 ชั่วโมงจากคลองสุนัขหอนบางโทรัดถึงโกดังเกลือแถวพระรามสอง ในขณะเดียวกันต้องทนอยู่ท้ายเรือแคบๆที่พอนั่งได้ในร่มไม่เกิน 3 คน ซึ่งความกังวลของตาวัฒน์ลบความอยากรู้อยากเห็นของผมไม่ได้
     เราเริ่มเดินทางจากคลองสุนัขหอนตำบลทางโทรัดตั้งแต่เช้าตรู่ ตาวัฒน์ให้ผมนำขนมน้ำติดตัวมาด้วย ส่วนกับข้าวกับปลาตาวัฒน์ใจดีเป็นคนเลี้ยง
     เรือเกลือแล่นไปในลำคลองด้วยความเชื่องช้า ผมถ่ายรูปถามนั้นถามนี้ด้วยความสนใจ ขณะที่ตาวัฒน์ตอบด้วยความยินดี เพราะการสนทนาฆ่าเวลา 8 ชั่วโมงได้  
ตาวัฒน์เล่าว่าการเป็นนายเรือเป็นความใฝ่ฝันของเขาตั้งแต่เป็นเด็กเรือ หรือผู้ช่วยนายท้ายเรือ สะสมประสบการณ์ ครูพักลักจำจนชำนาญ เมื่อโตขึ้นเก็บเงินมากพอก็ซื้อเรือเกลือประกอบอาชีพค้าเรือเกลือ 
     ตาวัฒน์บอกผมว่า การเป็นนายท้ายเรือไม่มีใครสอน ทุกอย่างต้องจดจำและแก้ปัญหาเฉพาะหน้า ต้องรู้ใจสายน้ำ จดจำนิสัยคลองได้ น้ำเหนือมาสีมีน้ำตาลเทา น้ำทะเลขึ้นมีสีเขียวเข้ม น้ำวังกุ้งปล่อยมามีสีแดงส้ม เป็นสัญญาณว่าน้ำขึ้นออกเรือได้ คลองนี้มีกี่คดกี่โค้งต้องรู้ ช่วงโค้งไหนน้ำแรงน้ำเบาต้องระวัง จุดไหนมีตอไม้เรือจมต้องเตรียมตัว 
       8 ชั่วโมงของการเดินทางจากคลองสุนัขหอนเข้าแม่น้ำท่าจีนสู่คลองมหาชัย และจบที่คลองสนามชัยแถวพระรามสองเพื่อนำเกลือขายให้โกดังเกลือนั้น เราผ่านสายน้ำหลากอารมณ์ บางช่วงเขตชุมชนสายน้ำก็หมองคล้ำซึมเศร้าไปด้วยขยะจากชุมชน โดยเฉพาะช่วงใดมีประตูน้ำ เราต้องรอนายประตูเปิดให้เพื่อขออนุญาตนำเรือผ่าน บางช่วงสายน้ำสดใสร่าเริงไปด้วยฝูงนกหมู่ปลาแมกไม้เพราะห่างใกล้ชุมชน โดยเฉพาะช่วงแม่น้ำท่าจีนจะคึกคักไปด้วยเรือเดินสมุทรและเรือประมงที่จอดตลอดคุ้งแม่น้ำแถวมหาชัย ขณะที่เขาเขตพระรามสองคลองจะแคบตลอดแนวและเต็มไปด้วยชีวิตชีวาของผู้คนและบ้านคลอง
      น่าเสียผมคงเป็นคนสุดท้ายที่จะได้บอกเล่าความทรงจำนี้ การเดินทางไปกับตาวัฒน์ครั้งนั้นผ่านมาแล้ว 6 ปี เวลานี้ตาวัฒน์อายุมากแล้วและสุขภาพก็ไม่แข็งแรงพอที่ะจะล่องเรือค้าเกลือได้ ส่วนลูกหลานของตาวัฒน์และคนสมุทรสาครก็ไม่มีใครล่องเรือไปค้าเกลือที่กรุงเทพฯแล้ว เวลานี้เหลือแต่เรือเกลือเศร้าๆที่รอขายให้ร้านอาหารเท่านั้น

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น